ปิดตำนานฝ่ายข่าวเนชั่นยูแชนแนล

หลังมีกระแสอยู่นานเกี่ยวกับการใช้ชื่อ Nation U Channel เป็นชื่อกลุ่มในการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ ว่าอาจจะกระทบกับภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ฝ่ายข่าว Nation U Channel จึงตัดสินใจมอบสื่อต่างๆในกลุ่ม ให้แก่ทางมหาวิทยาลัยได้บริหารจัดการเอง ขณะเดียวกันภาระผูกพันใดๆ ในกลุ่มฝ่ายข่าวฯ มีผลให้สิ้นสุดลงตั้งแต่ 25 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป

สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ของ Nation U Channel ทั้ง Facebook Twitter Youtube และBlog ถูกส่งมอบให้กับทางมหาวิทยาลัยด้วยการส่ง Username และ Password ให้กับอาจารย์วนิดา วินิจจะกูล รองคณะบดีคณะนิเทศศาสตร์ผ่านทางอีเมลล์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านั้น Nation U Channel ได้รับการแจ้งเตือนจากรองคณะบดีคณะนิเทศศาสตร์ว่าการใช้ชื่อ Nation U Channel อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเนชั่น เพราะอาจมีสมาชิกในฝ่ายข่าว สื่อสารข่าวและข้อมูล ที่มีความเป็นได้ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย เช่นการเสนอข่าวผิดๆ หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า การเกิดขึ้นของ Nation U Channel อาจเป็นอุปสรรค์ต่อเปิดกว้างให้ผู้อื่นเข้าร่วมเพราะ “ธัญพิสิษฐ์” เป็นผู้สถาปนาขึ้นมา แต่ถ้ามหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดตั้งขึ้นมาเอง นักศึกษาคนอื่นๆ จะได้มีส่วนร่วมมากกว่านี้

ขณะที่นายธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย บรรณธิการบริหารฝ่ายข่าว Nation U Channel ชี้แจงเหตุผลก่อนจะมอบ Nation U Channel ให้กับมหาวิทยาลัยว่า ส่วนตัวตนเห็นว่าที่ผ่านมา Nation U Channel ไม่ได้สื่อสาร ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย แต่ในทางกลับกัน มหาวิทยาลัยเองก็นำชิ้นงานของ Nation U Channel ไปนำเสนอว่าเป็นผลงานของคณะอยู่มากโข การมอบ Nation U Channel  คืนให้ ไม่ได้หมายความว่าเรายอมรับว่า Nation U Channel จะทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย แต่ที่มอบให้เพราะเป็นการตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างสับสนในอนาคต อีกทั้งเราเองก็มีช่องทางอื่นที่ดีกว่านี้  สำหรับประเด็น “ธัญพิสิษฐ์” เป็นผู้สถาปนา Nation U Channel แล้วจะเป็นการปิดโอกาสนักศึกษาคนอื่นๆ ตนเห็นว่าไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะทุกวันนี้ก็ใช้หลักการของสื่อสาธารณะที่ทั่วโลกยอมรับ สร้างเครือข่าย และการมีส่วนร่วม

“ทั้งนี้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเราทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสาร เป็นผู้บันทึกเรื่องราว เป็นเวทีกลางในการแลกเปลี่ยน และเป็นอีกผู้หนึ่งที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมแห่งนี้ ในวันที่เราไม่ใช่ฝ่ายข่าว Nation U Channel แต่ยังคงมีอีกหลายช่องทางที่เราได้เตรียมไว้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อุดมการณ์และความมุ่งมั่นของพวกเรายังคงเดิม ขอให้ ฝ่ายข่าว Nation U Channel ยุคแรก อยู่ในความทรงจำที่ดีของทุกท่านตลอดไป แล้วเราคงได้พบกันอีกในโอกาสหน้า เราสัญญา”

รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2554 Nation U Channel

คลิ๊ก Link เพื่อทำการดาวน์โหลด

>>> http://www.mediafire.com/?s7w4z9bu8uexwmq

Nation U Channel ปรับแบรนด์ใหม่ พร้อมสโลแกน “ทุกข่าวมีคุณค่า”

หลังจากดำเนินงานเต็มปีการศึกษา 2554 Nation U Channel ในปีการศึกษา 2555 จะมีปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ให้สอดรับกับสังคมของมหาวิทยาลัยเนชั่นที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น โดยนำเครือข่ายสังคมออนไลน์หรือ Social Network มาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

Facebook Twitter Youtube และบล็อกข่าวของ Nation U Channel มีการปรับโฉมโลโก้เป็นรูปฟองคำพูด หรือ Bubble speech สีส้ม มีขอบเส้นสีเทาล้อมรอบ และมีอักษรภาษาอังกฤษกำกับด้านล้างว่า Nation U Channel เมื่อช่วงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนับจากนี้ Nation U Channel จะใช้โลโก้ดังกล่าวสร้างภาพลักษณ์องค์กร ให้ผู้คนจดจำ นอกจากนั้น ยังมีการวางแผนในการใช้ Social Network ให้เต็มประสิทธิภาพเช่น การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ทำการประชาสัมพันธ์ และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ให้สามารถผลิตข่าวได้ด้วยตนเองในทุกกระบวนการ และมีการประชุมข่าวเพื่อกำหนดประเด็นกันอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งเร่งสร้างความร่วมมือกับองค์กรสื่อระดับชาติอย่าง Thai PBS และเครือ Nation ด้วย

นายธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย บรรณาธิการบริหาร Nation U Channel ทวีตข้อความลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว @tanpisitlive ว่า ต่อจากนี้ Nation U Channel จะมีสโกแกนกึ่งสร้อยนำว่า Nation U Channel ทุกข่าวมีคุณค่า เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำเสนอข่าวสาร คำว่ามีคุณค่านั้นมีความหมายมาก มีคุณค่าเพราะ เป็นข่าวที่เที่ยงตรง มีคุณค่าเพราะ เป็นข่าวที่รอบด้าน มีคุณค่าเพราะ เป็นข่าวที่สร้างสรรค์ มีคุณค่าเพราะ เป็นข่าวที่สร้างแรงบันดาลใจ มีคุณค่าเพราะ เป็นข่าวของทุกคนในมหาวิทยาลัย

จากการคาดการณ์ของสมาชิกในกลุ่ม ฝ่ายข่าว Nation U Channel ประเมินว่าสถานการณ์ในปีการศึกษา 2555 เนื่องด้วยมีนักศึกษาใหม่เข้ามา มหาวิทยาลัยมีกฎระเบียบ และเติบโตมากขึ้น อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ แย่งกันใช้ทรัพยากร ในด้านสถานที่ กองบรรณาธิการ จะไม่ประจำเป็นหลักแหล่ง  แต่จะแก้ปัญหาด้วยการสร้างชุมชนเสมือนจริงในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก อาทิการสร้างกรุ๊ปใน Facebook และใช้ศักยภาพของกองบรรณาธิการดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ